เคยเรียนมาตลอดถึงประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้น
แต่แอบสงสัยค่ะว่า ถ้าเราซื้อกองทุนไปเช่น 1,000 บาท มันจะมีดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างไรเหรอคะ ?
เพราะราคาหน่วยลงทุนมันเปลี่ยนตามผลกำไรขาดทุนจากหุ้นที่ไปลง
ในอนาคตอาจเป็น บวกหรือลบ ก็ได้ ปีนี้กำไร ถ้ายังไม่ขาย อีก 3 ปีเกิดหุ้นตกมากๆ ก็ขาดทุน

คือไม่เหมือนฝากเงินได้ ดอกเบี้ยทุกปี ดอกเบี้ยที่ไม่ได้ถอนก็ทบๆ ไป
อย่างนี้กองทุนจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นมั้ยคะ ?


คำตอบ

คำถามนี้ผมคิดวิธีอธิบายอยู่นาน… ถึงขั้นเก็บเอาไปฝันเลยทีเดียว

เราต้องเริ่มจากความเข้าใจแบบนี้ครับ
“ดอกเบี้ย” หรือ “ผลตอบแทน” ในโลกนี้มันจะเป็นแบบ “ทบต้น” หรือไม่
ก็อยู่ที่ว่าเรา “นำดอกเบี้ยนั้นไปใช้” หรือว่า “นำไปลงทุนต่อ”

มันจะเป็นดอกเบี้ยทบต้น ก็ต่อเมื่อเรานำดอกเบี้ยไปลงทุนต่อใน “งวด” ถัดไปเท่านั้น


สังเกตนะครับ ผมเน้นคำว่า “งวด
ที่ต้องเน้นก็เพราะว่า ถ้าไม่แบ่งช่วงเวลาออกเป็นงวดๆ เราก็จะไม่เห็น “อาการ” ของการ “ทบต้น
ซึ่งงวดที่นิยมวัดกัน ก็มักจะเป็น “รายปี

ผมยกตัวอย่างแบบนี้นะครับ สมมติว่าในแต่ละปี กองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนดังนี้

ปีที่ 1 = 20%
ปีที่ 2 = -10%
ปีที่ 3 = 15%


สมมติให้กองทุนนี้มี NAV เริ่มต้นที่ 10.00 บาท
เมื่อผ่านไป 1 ปี กองทุนได้กำไร 20%
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 20% ของ NAV ต้นปี 10.00 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 1 = 12.00 บาท

ณ จุดนี้ ใครลงทุนไว้ 1,000 บาท เงินก็จะโตเป็น 1,200

หากใครถอนกำไรออกไป ก็ถือว่าไม่ทบต้น
หากไม่ถอนออกไป ยังทิ้งกำไรไว้ลงทุนต่อ ก็เริ่มการทบต้นในปีถัดไป

แต่ใครจะถอน หรือใครจะไม่ถอนก็ช่าง NAV ของกองจะยืนอยู่ที่ 12.00 บาทอยู่ดีครับ
เพราะเวลามีคนถอนออกไป จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง แต่ NAV จะไม่ได้ลดตามไปด้วย


ในปีที่สองนั้น สมมติให้หุ้นที่ลงทุนตกไป 10%
NAV ก็จะลดลง 10% จาก NAV ต้นปีที่ 12.00 บาท
กลายเป็น NAV ณ สิ้นปีที่ 2 = 10.80 บาท

สังเกตนะครับ ว่าการลดลง 10% นี้ เป็นการลดลงจากกำไรที่สะสมมาจากปีก่อน
นี่ถือเป็นการ “ทบต้น” นะครับ แต่เป็นการ “ทบต้น” ไปในทางติดลบ
คือปีที่แล้วไม่ยอมขายออก ปีนี้พอขาดทุน จึงขาดทุนส่วนกำไรของปีก่อนด้วย

เงินลงทุน 1,200 บาทจากปีก่อน ตอนนี้ก็จะเหลือ 1,080 บาทเช่นกัน


ในปีที่สาม หุ้นกลับมาโตได้ 15%
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 15% ของ NAV ต้นปีที่ 10.80 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 3 = 12.42 บาท

ซึ่งการเพิ่มขึ้น 15% นี้ก็ถือเป็นการเป็นการทบต้นต่อเนื่อง จากผลตอบแทนของ 2 ปีแรก คือจาก

10.00 -> 12.00 -> 10.80 -> 12.42

เงินลงทุน 1,080 บาทจากปีก่อน ตอนนี้ก็จะโตเป็น 1,242 บาท


เจ้า NAV 12.42 นี้ หากคิดเทียบ NAV 10.00 บาท ก็จะมีผลตอบแทนสะสมรวมในช่วง 3 ปี = 24.2%
หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทน “เฉลี่ย” แบบทบต้น ก็จะได้เท่ากับ 7.49% ต่อปี
(สังเกตว่าไม่ใช่ 24.2% / 3 ปี = 8.07% ต่อปี)

ซึ่งตัวเลขนี้มายังไงนั้น ขอให้ศึกษาเพิ่มในลิ้งค์นี้ http://www.a-academy.net/blog/return-conversion/

ลองตรวจคำตอบได้ครับ ให้เงินโตปีละ 7.49% จะโตใน Step นี้ครับ

10.00 -> 10.749 -> 11.554 -> 12.42

เริ่มที่ 10 จบที่ 12.42 เท่ากันเลย นี่แหละครับค่าเฉลี่ยแบบทบต้น


ที่ผมต้องอธิบายยกตัวอย่างเสียยืดยาว ก็เพื่อจะให้เห็นความ “ต่อเนื่อง” ของการ “ทบต้น
ซึ่งสะท้อนอยู่ใน NAV ของกองทุน เพื่อจะบอกว่า…

การลงทุนในกองทุนนั้นหากเราไม่ได้นำผลตอบแทนออกไปใช้มันก็คือการลงทุนที่ได้ดอกเบี้ยแบบทบต้น” นั่นเองครับ

กระบวนการนี้ยังช่วยให้เห็นภาพด้วยว่า กองทุนที่ NAV สูงๆ หลายๆ กอง ไม่ได้แปลว่าเค้าแพง
แต่เค้ามีการสะสมผลตอบแทนทบต้นเอาไว้ในกองเยอะมาก (อาจเพราะเก่ง หรืออาจเพราะตั้งมานานหลายปี หรือ ทั้งคู่)


ส่วนจะได้ประโยชน์ระยะยาวมั๊ย ?

อย่างพวกกองหุ้นที่เห็นผลตอบแทนย้อนหลังกันสูงๆ เนี่ย ก็ผ่านปีบวก ปีลบ ทบต้นกันมาต่อเนื่องนะครับ
ผลตอบแทนเมื่อนำมาเฉลี่ยแบบทบต้นแล้ว ก็ถือว่าสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ครับ

5 COMMENTS

  1. จากข้อความที่ว่า “แต่ใครจะถอน หรือใครจะไม่ถอนก็ช่าง NAV ของกองจะยืนอยู่ที่ 12.00 บาทอยู่ดีครับ
    เพราะเวลามีคนถอนออกไป จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง แต่ NAV จะไม่ได้ลดตามไปด้วย”

    เนื่องจากราคา NAV คือ สินทรัพย์/หน่วยลงทุน การขายออกจึงควรจะกระทบกับค่า NAV ไม่ใช่หรอครับ

    • NAV = สินทรัพย์ของกอง / จำนวนหน่วย

      โดยทั่วไปเมื่อมีคนขายหน่วย สินทรัพย์จะลด (คืนเงินให้ผู้ถือหน่วย)
      ขณะที่จำนวนหน่วยก็ลดพร้อมๆ กัน ในสัดส่วนที่ใกล้ๆ กันครับ
      NAV ก็จะแทบไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งถ้าเงินเราเล็ก แล้วกองใหญ่ด้วย ผลยิ่งจะน้อยมากๆ

      ปัจจัยที่จะกระทบราคา NAV มากกว่า
      คือกรณีราคาหุ้นที่กองถือตกลง
      ซึ่งมักเกิดจากภาวะตลาดเป็นหลักครับ

      แม้จะมีโอกาสที่มีคนแห่มาขายกองทุนเยอะๆ แล้วกองทุนต้องไปขายหุ้นออกทำให้หุ้นตก แล้ว NAV ตกตาม
      แต่ก็โอกาสเกิดน้อยมาก

      เพราะกองหุ้นส่วนใหญ่มีเงินสด รองรับการไถ่ถอน ทำให้ไม่ต้องไปขายหุ้นแบบวันต่อวัน
      อีกอย่างหุ้นที่กองลงทุนนั้น ก็มีนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ที่ลงทุนอยู่ด้วย
      การที่มีกองทุนขายหุ้นออก ไม่ได้หมายความว่าหุ้นนั้นจะต้องตกเสมอไป
      เพราะยังมีนักลงทุนอื่นๆ ที่เข้าซื้อในวันนั้นด้วย

  2. ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ. ผมสงสัยนิดนึงครับ

    แล้วถ้าอย่าง index fund เราซื้อเพิ่มทุกเดือนๆๆ ตลอด3ปี. ดอกเบี้ยทบต้นจะคิดอย่างไรครับ
    ในเมื่อ ต้นมันเพิ่มขึ้นทุกเดือน หนะครับ. ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับ

Leave a Reply to Pakorn Cancel reply

Please enter your comment!
Please enter your name here