คุณเอคะ ตั้งใจจะแบ่งพอร์ตซื้อ Thai Bond กับ Global bond
ตามที่สอนใน Series กลยุทธ์การลงทุน
http://www.a-academy.net/personal-finance/s09-investment-strategy/

แต่ยังงงๆ ว่า หลัง FED หยุดมาตรการ QE แล้วจะมีผลอย่างไรต่อ Bond ทั้งสองตัวนี้บ้าง
พยายามหาอ่านที่เค้าวิเคราะห์แล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ
ขอรบกวนคุณเอช่วยอธิบายทีค่ะ เราควรเข้าซื้อตอนไหนดีคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


คำตอบ

ทิศทางดังกล่าว ก็น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ย กลับมาเป็นขาขึ้นในอนาคตข้างหน้า
ซึ่งก็ต้องดูว่าจะขึ้นเร็วหรือขึ้นช้าครับ แต่ในทศวรรษข้างหน้า ก็น่าจะเป็นขาขึ้นค่อนข้างแน่นอน
และการที่ดอกเบี้ยของเศรษฐกิจหลักของโลกปรับขึ้น
ก็จะกดดันและเป็นสัญญาณขับให้ดอกเบี้ยทั่วโลกปรับขึ้นตามไปด้วย

ในภาวะที่ดอกเบี้ยขึ้นนี้ ราคาของตราสารหนี้ จะลดต่ำลง
โดยเฉพาะตราสารหนี้อายุยาวๆ (แม้จะยังได้ดอกเบี้ยตามเดิม)
ศึกษาเพิ่มได้ที่นี่ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/04-bond-return-risk/

ซึ่งสำหรับกอง Bond ทั่วไปนั้น ก็จะต้องมีการ Mark-to-Market การลดลงของมูลค่า Bond ที่ถือตามไปด้วย
ก็จะส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ ไม่ดีเท่ากับช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง และผันผวนมากกว่าด้วย

สำหรับการลงทุนผ่านกองทุนรวม
ก็จะมีข้อดีตรงที่ Fund Manager จะช่วยจัดการ บริหารเรื่องตรงนี้ให้กับเราได้บ้าง
(ขึ้นกับฝีมือและมุมมองด้านอัตราดอกเบี้ย)

วิธีการโดยทั่วไปก็จะมีการลด Duration หรืออายุของตราสารหนี้ที่ลงทุนลงมาไว้ก่อน
เพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ย ต่อมาเมื่อตราสารหนี้เดิมครบอายุ
ก็จะสามารถทยอยไปลงทุนในตราสารหนี้ใหม่ๆ ที่มีดอกเบี้ยหน้าตั๋วสูงขึ้นได้

ขณะที่ถ้าเป็น Global Bond ก็จะมีเครื่องมือมากกว่านั้น
คือการใช้ “อัตราแลกเปลี่ยน” มาเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง

เพราะแม้ดอกเบี้ยจะขึ้นทั้งโลก แต่ก็อาจจะขึ้นในอัตราเร็วที่ต่างกัน
ประเทศไหนที่ขึ้นเร็วมากกว่า ค่าเงินอาจแข็งค่าได้เร็ว
กอง Global Bond ที่อ่านสถานการณ์ดังกล่าวถูก ก็อาจจะได้กำไรจากค่าเงินส่วนนั้น
เพื่อมาชดเชยการลดค่าของตราสารหนี้ที่ถือ
ศึกษาเพิ่มได้ที่นี่ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/12-fif-fi/


อธิบายมาเสียยาว ขอสรุปแบบนี้ครับ

สำหรับตราสารหนี้ในประเทศนั้น หากเป็นการลงทุนระยะยาว เช่นถือ 1-2 ปีขึ้นไป
ผมคิดว่าไม่มีปัญหา สามารถลงทุนได้เลย ยิ่งจะลงยาวกว่านั้น ก็ยิ่งไม่น่ากังวล
ระหว่างทาง ถ้าดอกเบี้ยขึ้นแรงๆ อาจมีติดลบได้บ้าง แต่ถ้าถือได้ซัก 1-2 ปี ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็ให้เลือกกองที่มี Duration สั้นๆ ไว้ก่อนก็ได้

การเข้าซื้อก็สามารถซื้อได้ทันทีทั้งจำนวน

สำหรับ Global Bond นั้น ความผันผวนก็จะมากกว่ามาก
อนาคตข้างหน้า ผลตอบแทนคงไม่ได้ดีประเภท 7-10% เหมือนที่เคยทำได้ในอดีต
ผมคิดว่าน่าจะอยู่แถวๆ 5-7% เต็มที่ แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกของ Bond ที่ผมคิดว่าดีที่สุดอยู่
เพราะมีความยืดหยุ่นในการลงทุน และโยกย้ายการลงทุนได้ทั่วโลก

วิธีการลงทุนกองลักษณะนี้ จะต้องมั่นใจจริงๆ ว่ายอมรับความผันผวนได้ (ซึ่งจะมากกว่าตราสารหนี้ในประเทศ)
แล้วตั้งใจจะถือลงทุนไม่น้อยกว่า 2-3 ปี
ซึ่งผมเชื่อว่า ระหว่างทางแม้มันจะมีการย่อตัวบ้าง แต่การถือได้นานตามระยะเวลาที่บอก
ก็จะยังได้ผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ครับ

ส่วนการเข้าซื้อนั้น เนื่องจากเป็นกองที่มีความผันผวน
อาจใช้วิธีทยอยซื้อในระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน จนครบ
เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ได้ค่ากลางๆ ที่ไม่สูงเกินไปก็ได้ครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here