ผมค่อนข้างสนใจจะไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน จากที่ลอง Search ดูพบว่ามี 2 ทาง คือ

1. กองทุน ETF : HK, CHINA
ส่วนตัวคิดว่าข้อดีคือสามารถกำหนดราคาจะซื้อได้ ไม่ต้องราคาสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมธรรมดา
แต่ก็แอบสังเกตุว่า Volume การซื้อ-ขายน้อยมากๆ

2.กองทุนรวมที่ไปลงทุนในจีนเช่น : TMBCHEQ, SCBCEH, KF-CHINA, K-CHINA, ABCG
เท่าที่ลองอ่าน Factsheet ดูพบว่า ส่วนมากลงทุนตาม Index ???
(ตลาดหุ้นจีนดูมี Index อ้างอิงหลายอันจนผมงง 555)

Performance, ค่าธรรมเนียม, จน.ขั้นต่ำ ก็แตกต่างกันทีเดียว… ผมสนใจตัว SCBCEH และ KF-CHINA ครับ
(K-CHINA และ ABCG ให้ค่าต่างๆ ออกมาสูงกว่า แต่จน.ขั้นต่ำครั้งละ 5,000 มันเกินงบที่ผมจะ DCA ได้เลยต้องขอผ่าน)

สรุปคืออยากรบกวนถามถึงมุมมองในการไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน
และกองทุนที่ควร Pick up ขึ้นมาลงทุนครับ


คำตอบ

1. เรื่อง ETF ที่ Volume ต่ำนั้น สาเหตุหลักๆ เพราะไม่ค่อยได้รับความนิยมครับ
จริงๆ แล้ว ถ้ามีคนนิยม คือ เข้าไปซื้อ ETF กันเยอะๆ
กองทุน ETF นั้นจะมี Market Maker คอยมาสร้างสภาพคล่องให้ Volume ก็จะสูงขึ้นได้
แต่ ณ ปัจจุบัน เห็น Volume แค่นี้แล้ว ก็ไม่ค่อยอยากไปลงทุนเท่าไหร่ครับ 😛


2. มีหลายกองที่เป็น Index Fund แต่กอง Active ก็มีครับ

Index หุ้นจีนนั้นมีหลายดัชนี ที่ลงทุนได้จากในไทยเราได้แก่

H-Share : บริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
A-Share : บริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีน

ส่วนมากที่ฝรั่ง พวก Global Investor ลงทุนกัน ก็จะเป็น H-Share
เพราะมีข้อจำกัดการลงทุนน้อยกว่าการเข้าไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นจีน (A-Share) ครับ
นอกจากนั้น ยังเชื่อกันว่า H-Share มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่สะท้อนข่าวสารต่างๆ ได้ดีกว่า A-Share ด้วย


3. เรื่องมุมมองการลงทุน

ผมออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้เชี่ยวชาญหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นจีน
และขอให้ Background นิดนึงว่า กองทุนหุ้นจีนนี้ เป็นกองทุนที่ “หักปากกาเซียน
มาหลายปีต่อเนื่องแล้วครับ เพราะ บลจ. หลายๆ แห่ง ที่ทยอยออกกองทุนหุ้นจีนมาตลอด 3-5 ปีมานี้
ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ในเรื่อง “จังหวะเวลา”

ผมจึงขอให้ความเห็นในมุมมองการลงทุนระยะยาวมากๆ คือระยะ 10 ปีขึ้นไป
ซึ่งผมเชื่อว่าสำหรับนักลงทุนไทย การแบ่งไปหุ้นจีนบ้าง ไม่เยอะมาก เช่น 10% ของพอร์ต
น่าจะช่วยเพิ่มผลตอบแทน ได้ดีกว่าการลงทุนหุ้นไทยอย่างเดียว
เพราะอัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนจีนนั้นน่าจะโตได้เร็วกว่าไทย หุ้นก็น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตามไปด้วย

ที่ต้องมองยาวนั้น ก็เพราะจีนเอง ก็พยายามจะปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ ในประเทศอยู่
กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ก็คงใช้เวลา ใช่ว่าจะดีได้ทันทีทันใด

ส่วนที่แนะนำให้แบ่งไปนิดเดียวนั้น ก็เพราะ ผมก็ยังเชื่อศักยภาพของประเทศไทยอยู่มาก
อาจจะเรียกว่ามี Home Country Bias ก็ได้…
แต่อย่างน้อย การหาข้อมูล การติดตามข้อมูลต่างๆ นั้น หุ้นไทยทำได้ง่ายกว่ามากๆ ครับ


4. ถ้าจะลงทุนยาวๆ เลือกกองแบบไหน

ผมจะเลือก Index Fund ครับ
สาเหตุเพราะถ้าผมจะไปจีน ผมก็ต้องการความแน่นอน ว่าถ้าหุ้นจีนขึ้นในระยะยาวจริงๆ
กองทุนที่ผมลงทุน มันจะขึ้นตามไปด้วย ถ้าเลือก Active มันก็ไม่ค่อยชัวร์เท่าไรครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here