คำถาม

มีเรื่องอยากจะสอบถามและถามความคิดเห็นของคุณเอ เรื่องการจัดพอร์ตลงทุนรายเดือนค่ะ

ประวัติการลงทุนครั้งแรก ลงทนในกองทุนรวมด้วยความรู้น้อยนิด เห็นว่าเงินหลักพันสามารถซื้อกองทุนได้ ก็เลยเอาเงินเก็บจากการทำงานไปซื้อค่ะ ตอนนี้มีเงินที่ลงทุนอยู่ในกองทุนรวมอยู่ 5 กอง กองละ 10,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาท

ที่อยากจะสอบถามคุณเอก็คือ ตอนนี้สามารถแบ่งเงินเดือนมาลงทุนได้เดือนละ 4,000 บาท และมีแผนที่จะกระจายเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ และ LTF ดังนี้ ค่ะ

  • กองทุนรวม 1AMSET50 1,000 บาท
  • กองทุนรวม B-CARE 1,000 บาท
  • LTF 1,000 บาท
  • ตราสารหนี้ระยะสั้น 1,000 บาท

เป้าหมายของการลงทุน ก็คือมีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณประมาณ 3-4 ล้านค่ะ คิดว่าใช้ไม่เยอะมากเท่าไหร่ เพราะภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดค่ะ เดือนละ 10,000-15,000 บาทน่าจะเพียงพอ ระยะเวลาในการลงทุนประมาณ 30 ปี หวังผลตอบแทนเฉลี่ยไว้ประมาณ 8-10% ค่ะ

การจัดพอร์ตลงทุนรายเดือนแบบนี้ถือว่าโอเครึยังคะ


 

คำตอบ

ด้วยเป้าหมายรายจ่ายประมาณ 10000 – 15000 บาท/เดือน อย่างแรกที่ลืมคิดไปคือเรื่องเงินเฟ้อนะครับ ในเวลาอีก 30 ปีข้างหน้า ของจะแพงขึ้นมาก หากประมาณว่าเงินเฟ้อเท่ากับ 3% ต่อปี ในอีก 30 ปีข้างหน้า ก็ต้องใช้เงินประมาณ 24,000 – 36,000 บาท/เดือน

ซึ่งหากต้องเตรียมไว้ใช้จ่ายประมาณ 20 ปีหลังเกษียณ เราอาจต้องตั้งเป้าหมายทุนเกษียณ เป็นเงินถึง 5.76 – 8.64 ล้านบาท (ไม่ใช่ 3 – 4 ล้าน อย่างที่คิด) ซึ่งถ้าตีว่า ปัจจุบันเรามีเงินอยู่ 50000 บาท และลงทุนเพิ่มได้เดือนละ 4000 เป็นเวลา 30 ปี หากคำนวณโดยใช้ App นี้

สอนใช้ App เครื่องคิดเลขทางการเงินใน Smart Phone และ Tablet

  • ถ้าได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปี เงินจะโตเป็น 4.3 ล้านบาท
  • ถ้าได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เงินจะโตเป็น 6.5 ล้านบาท
  • ถ้าได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี เงินจะโตเป็น 10 ล้านบาท

แปลว่าด้วยกำลังที่มีอยู่ หากสามารถลงทุนได้แถวๆ 8% ก็น่าจะไปถึงเป้าได้ และอันที่จริง ในช่วงปีหลังๆ เราอาจลงทุนได้มากกว่า 4000 บาท ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ไปถึงเป้าได้มากขึ้นอีก

ประเด็นตรงนี้คงเป็นเรื่องการจัดพอร์ตแล้วครับ ว่าเราจะลงทุนในกองทุนใดในสัดส่วนเท่าไหน ซึ่งหากดูจากวีดีโอ ตอนนี้ (คลิ๊กที่ลิ้งค์เพื่อเปิดวีดีโอใน YouTube) จะพบว่า

  • การจะได้ผลตอบแทนซัก 6% นั้น ควรมีหุ้นในพอร์ตประมาณ 15-20% ที่เหลือเป็นตราสารหนี้
  • การจะได้ผลตอบแทนซัก 8% นั้น ควรมีหุ้นในพอร์ตประมาณ 30-40%
  • การจะได้ผลตอบแทนซัก 10% นั้น ควรมีหุ้นในพอร์ตประมาณ 60-70% ขึ้นไป

ซึ่งยิ่งเติมหุ้นเข้าไปมาก ปีที่แย่ก็จะตกได้มาก ตรงนี้อยู่ที่เราว่าจะเอาขนาดไหน แต่ในวีดีโอก็ได้พูดถึงหลักการลงทุนเอาไว้แล้ว (เปิดดูให้จบนะครับ) ว่าเราควรมีหลักอย่างไรในการลงทุนระยะยาว นั่นคือการใช้วินัย ความต่อเนื่อง และความเข้าใจ ว่าสินทรัพย์ประเภทหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกปี ระยะเวลาลงทุนที่ยาวช่วยลดความเสี่ยงได้

สมมติว่าเราเลือกจะลงหุ้นประมาณ 70% ของพอร์ต และตราสารหนี้ 30% ที่เหลือ สิ่งที่เราต้องคิดต่อคือ ถ้าเราต้องซื้อกองหุ้นเดือนละ 70% x 4000 = 2,800 บาท และซื้อกองตราสารหนี้เดือนละ 30% x 4000 = 1,200 บาท เราจะซื้อกองไหนบ้าง

ส่วนของเงิน 50,000 ก็จัดแบบนี้ครับ คือลงกองหุ้น 70% x 50000 = 35,000 บาท และอีก 15,000 ลงกองตราสารหนี้

ในส่วนของหุ้นอาจจะมีทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือพวก Healthcare ผสมก็ได้ ลองอ่านบทความนี้ประกอบนะครับ

บทความ แบบไหนกันที่เขาเรียกว่า “กระจายความเสี่ยง”

ส่วนตราสารหนี้ก็อาจเลือกมาสักกองหนึ่ง ลงผสมกันไปให้ต่อเนื่อง ก็น่าจะพอบรรลุเป้าหมายได้ ถ้ามีภาระภาษีก็พยายามแบ่งน้ำหนักไปให้ LTF/RMF ก่อน เพราะจะได้สิทธิ์ทางภาษี

ส่วนการเลือกกองนั้น ผมมีวีดีโอสอนอยู่แล้ว ที่นี่ ลองใช้ปัจจัยที่สอนไปเลือกกอง ก็จะน่าจะพอเลือกกองที่ไม่แย่เกินไปได้ครับ