Practical Portfolio Design #3 – ลงทุนเน้นเติบโตโดยมีการกระจายความเสี่ยง

สรุปเนื้อหา

  • ขอบเขตของสินทรัพย์ที่นำมาใช้ออกแบบพอร์ตการลงทุน
  • Strategic Asset Allocation : Diversified Growth Portfolio
  • วัตถุประสงค์ ระยะเวลาการลงทุน และ ตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะสมของพอร์ตนี้
  • ลักษณะของผลตอบแทนและความเสี่ยงของพอร์ตนี้
  • เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงระหว่างพอร์ตอืนๆ และการลงทุนในหุ้นทั้ง 100%

ไฟล์/เอกสารประกอบ

วันที่เผยแพร่

  • 7 ตุลาคม 2557

2 COMMENTS

  1. สอบถามครับ พอดีพอร์ตของผมรับความเสี่ยงได้มาก ตอนนี้ลงทุนในหุ้นเกือบ 100%
    ผมอายุ 35 ปีครับ ก่อนหน้านี้ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF มาหกปี เพราะต้องการผลประโยชน์ทางภาษี ซึ่งโดยรวมตอนนี้มีอยู่ประมาณ 3 ล้านบาท ( LTF 1 ล้านบาทและRMF 2 ล้านบาท) กองทุนหุ้น 9.5 แสนบาท
    มีพอร์ตสำหรับหุ้นอีก 3.5 แสน โดยมีสภาพคล่องเป็นเงินสด 1.5 แสนบาท
    คำถามครับ
    1. อยากลดความเสี่ยงลงโดยการซื้อ bond มากขึ้นคิดว่าสักประมาณ 1.5-2 แสนบาท
    ควรขาย เงินในกองทุนหุ้นมาซื้อเลยดีมั้ยครับ หรือรอเงินปันผลมาทยอยซื้อ
    ( เนื่องจากกองทุนหุ้นเพิ่งเข้าซื้อมากต้นปี ตอนนี้ค่าเฉลี่ยที่เข้าซื้อเลยถูก 13.2 บาท เลยยังไม่ค่อยอยากขาย อยากให้ราคาขึ้นกว่านี้ครับ )
    2. ผลตอบแทนกองทุนหุ้นที่ถืออยู่ประมาณปีละ 15-20% (kFSDIV) ถ้าต้องการย้ายมาในกองทุนที่มีผลตอบแทนดีกว่าและไม่ต้องรับปันผล เช่น BTP จะดีมั้ยครับและใช้วิธีการอย่างไรดี
    3. LTF และ RMF ที่ซื้ออยู่เป็นแบบ active management ถ้าย้ายมาซื้อ RMF แบบ passive และคงไว้
    LTF แบบ active ดีมั้ยครับ
    มีรายได้ประจำประมาณ 140000บาทต่อเดือนครับ ซื้อ LTF และ RMF กองละ 25000 บาทต่อเดือน
    รายจ่ายเดือนละ 50000 บาท

Leave a Reply to kampee Cancel reply

Please enter your comment!
Please enter your name here