ผมสนใจกองทุน Index Fund RMF ขอถามคำถาม 3 ข้อดังนี้ครับ

  1. ไม่ทราบว่ากองทุนเปิด Index ที่เป็นคู่แฝดกัน
    จะมีผลตอบแทนใกล้เคียง SET เหมือนกันกับกอง RMF ไหมครับ
    เช่น TMB SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ vs TMB SET50
    กับพวก SCB SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ vs SCB SET50
  2. คุณเอมองอย่างไรว่า SET50 ไทยยังจะโตต่อได้มากเหมือนในอดีตไหมครับ
  3. ช่วยแนะนำการหาจังหวะสับเปลี่ยนกองทุน Index Fund กับกองตราสารหนี้หน่อยครับ

คำตอบ

ข้อ 1 : ผลตอบแทนของ Index Fund RMF เทียบกับ Index Fund ธรรมดา

ผมงงๆ คำถามเล็กน้อย แต่น่าจะหมายความว่า ผลตอบแทนของ Index Fund
ทั้งแบบที่เป็นกองเปิดทั่วไป และ แบบที่เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
มีผลตอบแทนลักษณะเดียวกันมั๊ย ใครได้มากกว่าน้อยกว่า และเป็นไปตามทิศทางของ SET50 มั๊ย ?

อย่างแรก หากกองที่เลือกมามีนโยบายการลงทุนเลียนแบบดัชนี SET50
ผลตอบแทนก็จะเป็นไปตามทิศทางของดัชนี SET50 ค่อนข้างแน่นอน
อาจมีเพี้ยนบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละเจ้า

ซึ่งวิธีวัดผล Index Fund เราจะไม่ดูว่าใครทำผลตอบแทนได้มากกว่าใคร
แต่จะดูว่าใครทำผลตอบแทน “เพี้ยน” ไปจาก Index อ้างอิงมากกว่ากัน
ใครที่เพี้ยนเยอะ ก็ถือว่าทำได้ไม่ดี เพราะประกาศตัวเป็น Index Fund ไว้
ซึ่งค่าวัดนี้เราเรียกว่า Tracking Error ผมมีพูดถึง และแสดงวิธีการวัดให้ดูในวิดีโอตอนนี้ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/15-eq-index-selection/

ส่วนเรื่องผลตอบแทนเปรียบเทียบระหว่าง Index Fund ธรรมดา กับ Index Fund แบบ RMF
ผมเข้าเว็บ WealthMagik.com แล้วทำมาเทียบให้ดู 3 ค่ายด้วยกัน
โดยเป็นข้อมูลผลตอบแทน ณ วันที่ 21 เม.ย. 58 ได้ผลดังนี้ครับ

K-ASSET

K-SET50 vs K-SET50 RMF

SCBAM

SCB SET50 vs SCB SET50 RMF

TMBAM

TMB SET50 vs TMB SET50 RMF

จากรูปของทั้ง 3 ค่าย จะเห็นว่า ผลตอบแทนระหว่างกองธรรมดากับกอง RMF ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก

โดยสำหรับค่าย SCBAM และ TMBAM นั้น
ผลตอบแทนของ Index Fund RMF จะต่ำกว่า Index Fund ธรรมดาเล็กน้อย
ขณะที่ของ K-ASSET นั้น กลับให้ผลตรงกันข้าม ซึ่งผมก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเพราะอะไร

เพราะโดยหลักการแล้วหากลงทุนได้ผลตอบแทนต้นทางมาเท่าๆ กัน (เทียบภายในค่ายใครค่ายมัน)
กองไหนคิดค่าใช้จ่ายรวม (Total Expense Ratio : TER) สูงกว่าก็จะได้ผลตอบแทนสุทธิต่ำกว่า 

ซึ่งข้อมูลของกอง Index Fund RMF ทั้ง 3 ค่ายจาก Fund Factsheet ล่าสุด
ก็พบว่าล้วนมี  TER แพงกว่าของ Index Fund ธรรมดาทั้งสิ้น

มุมมองไปข้างหน้า ตามความเห็นของผมนั้น
ผมเชื่อว่า Index Fund RMF ก็จะแพ้ Index Fund ธรรมดาเล็กน้อย
เพราะผลกระทบจากความต่างเรื่อง TER ตรงนี้นั้นเอง
(ลองดูตัวอย่างได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี, 5ปี ที่แสดงในตารางครับ)

หมายเหตุ
ศึกษาเรื่อง Total Expense Ratio และผลกระทบต่อการลงทุนได้จากวิดีโอและบทความต่อไปนี้
วิดีโอ : http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/04-fund-expense/
บทความ : http://www.a-academy.net/blog/ter-vs-return/


ข้อ 2 : แนวโน้มการเติบโตของ SET50 ในอนาคต

จะตอบได้ ก่อนอื่นมันต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นขึ้นได้เพราะอะไร
อยากให้ลองศึกษาจากบทความนี้ http://www.a-academy.net/blog/eps-vs-stockprice/
แล้วหากเชื่อเหมือนกันกับผม ก็จะตอบได้ว่า

“กำไรของกิจการ” เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะยาว

ทีนี้ก็ต้องมาตอบให้ได้ ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET50 จะเติบโตขึ้นมั๊ย ?
เพราะถ้ามันโตขึ้น ดัชนี SET50 ก็คงมีแนวโน้มเติบโตไปต่อได้อยู่

ซึ่งผมเองไม่ค่อยกล้าให้ความเห็นเรื่องแนวโน้มระยะสั้นมากนัก เพราะคงตอบไม่ถูก ถ้าถูกก็เพราะฟลุ๊ค
เลยจะขอเป็นให้ความเห็นแนวโน้มในระยะยาวๆ กินระยะเวลา 10-15 ปีขึ้นไปแทนนะครับ

ผมเองยังเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจไทยครับ ว่าในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้า
บริษัทจดทะเบียนใน SET50 จะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
แม้ในระหว่างนั้น อาจจะมีลุ่มๆ ดอนๆ ได้บ้าง ก็ยากที่จะคาดเดานะครับ
อาจจะแผ่วกันตั้งแต่ปีนี้-ปีหน้าเลยก็ได้ แต่ในกรอบยาวๆ ผมเชื่อว่ามันจะดีขึ้นครับ

หมายเหตุ 
เป็นการตอบจากความเชื่อส่วนตัวในศักยภาพของคนไทย และธุรกิจไทยล้วนๆ
ซึ่งผมอยากแนะนำให้ศึกษาศักยภาพของธุรกิจไทย ที่สะท้อนผ่านดัชนีหุ้นไทยเพิ่มเติม จากวิดีโอตอนนี้ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/08-stock-for-the-long-run/


ข้อ 3 : จังหวะสับเปลี่ยนกองทุน SET50 กับกองทุนตราสารหนี้

ตอบตามตรงว่าผมไม่ใช่ “นักสับเปลี่ยน” ครับ แต่ผมเป็น “นักสะสม
คือมีเงินผมก็สะสมเข้าไปในสินทรัพย์ที่ผมคิดว่าดี ซึ่งหุ้นก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น
มันมีวันที่ดีบ้าง แย่บ้าง ผมก็น้อมรับ เพื่อจะเอาเอาเวลาไปทำอย่างอื่น

ที่ทำแบบนี้ได้ก็เพราะผมใช้เงินที่เสี่ยงได้ และลงทุนได้ระยะยาวมาลงทุนเป็นหลัก
ผมมีความชัดเจนในสิ่งที่ทำ ว่าเงินนี้ลงทุนเพื่อสร้างอะไร
ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ได้หวังสูงนัก และสามารถยอมแพ้บางศึกบ้าง เพื่อชนะสงคราม

ซึ่งการทำแบบนี้มาในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา

  • หากลงทุนใน Index Fund ก็ควรจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย หรือ IRR ประมาณ 10-12% ต่อปี
  • หากลงทุนใน Active Fund แบบที่เลือกดีๆ หน่อย ก็จะได้ IRR แถวๆ 14-16%
  • หากจัดพอร์ตซื้อหุ้นเอง (ตามวิธีที่ผมสอนใน Series ลงทุนหุ้นอย่างสบายใจ )
    ผมก็ได้ทะลุ 20% ต่อปีไปหน่อยๆ

เท่านี้ผมก็พอใจแล้วครับ เลยไม่ค่อยได้สับเปลี่ยนอะไรนัก

ดังนั้น หากจะพอให้คำตอบได้ ผมก็ขอไม่ให้คำตอบเป็น “จังหวะ
แต่จะให้เป็น “หลักการ” เอาไปพิจารณาด้วยตัวเองแทน

เริ่มจากเข้าไปที่หน้ารวมบทเรียนใน Series ชุด “กลยุทธ์การลงทุน
http://www.a-academy.net/personal-finance/s09-investment-strategy/

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปรับพอร์ต (ซึ่งใกล้เคียงการหาจังหวะที่ถามมามากที่สุด)
จะอยู่ในตอนที่ 9 – 14 และขอให้ดูตอนที่ 17 เพิ่มอีกตอนหนึ่ง
อาจจะพอเป็นแนวทางในการตัดสินใจได้บ้างครับ

2 COMMENTS

Leave a Reply to A Cancel reply

Please enter your comment!
Please enter your name here