ผมอยากทราบว่ากองทุน “บัวแก้ว”
จะให้ผลตอบแทนได้ถึง 7,200,000 บาท
ในอนาคตข้างหน้าหรือไม่ครับ ?

ผมตั้งใจลงทุนเดือนละ 1,000 บาท
เป็นเวลา 38 ปี รวมทั้งสิ้น 38 x 12 = 456 งวด
หรือคิดเป็นต้นทุนรวม 456,000 บาท


คำตอบ

ก่อนอื่น ต้องย้ำก่อนว่าคำถามเชิงทำนายอนาคตไม่มีใครตอบได้แม่นๆ หรอกนะครับ

แต่จะขอทำตัวเป็น “โหร” ให้ดู
เพื่อเป็นแนวทางในการประมาณผลตอบแทนไปข้างหน้า

โดยมีขั้นตอนดังนี้ครับ


1) หาอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องได้ เพื่อบรรลุเป้าหมาย

ในทางวิชาการเราจะเรียกว่า Required Return
ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรู้เรื่องมูลค่าเงินตามเวลา (Time Value of Money)
หรือกดจาก App เครื่องคิดเลขการเงิน

ในที่นี้ ขอให้ลองใช้ App ดูนะครับ เรียนการใช้ App เบื้องต้นได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=Jgjj88SR-GY
https://www.youtube.com/watch?v=fDzjZOZd15I

เราจะใช้ TVM Calculator ใน App ป้อนเข้าไปว่า

การป้อนข้อมูลใน App เครื่องคิดเลขการเงิน

Present Value = 0 => เนื่องจากไม่ได้มีเงินก้อน ที่เริ่มลงทุน ณ ปัจจุบัน
Payment = -1,000 => ใส่ติดลบ แสดงว่าเราจ่ายเงินออกไปเพื่อลงทุน
Future Value = 7,200,000 => มูลค่าเป้าหมายในอนาคต ใส่เป็นบวก
Annual Rate% เว้นไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะกดหาทีหลัง
Periods = 456 => คือระยะเวลา 456 เดือน แล้วเลือก Compounding เป็น Monthly ครับ

ป้อนตามนี้ กดที่ปุ่ม “Rate” จะคำนวณ  Annual Rate% ได้เท่ากับ 11.15%

ตัวเลขนี้แหละครับ คือ อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ 
ที่ “บัวแก้ว” ต้องทำให้ได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย


2) ประเมินผลตอบแทนของกองทุน “บัวแก้ว”

กองทุนบัวแก้วนั้น เป็นกองทุนหุ้นแบบ Active Fund
ซึ่งผลตอบแทนนั้น จะเกิดจากสองส่วนคือ

1) ผลตอบแทนตามตลาดหุ้น (Beta)
2) ผลตอบแทนส่วนที่ชนะตลาดหุ้น (Alpha)

ผมจะขอพาหา Alpha โดยประมาณของบัวแก้วก่อน
โดยอ้างอิงจากสถิติผลตอบแทนในเว็บไซต์ Morningstar (www.morningstarthailand.com)

ณ วันที่ 16 ก.พ. 58

กองทุน “บัวแก้ว” มีผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี เท่ากับ 14.73% ต่อปี
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กองทุนเปิด TMB SET50 ซึ่งเป็นกองทุนที่เลียนแบบตลาด
โดยมีนโยบายไม่สร้าง Alpha ให้ผลตอบแทน 11.63% ต่อปี

หากเรานำ 14.73% – 11.63% จะได้เท่ากับ 3.10% 
ซึ่งหมายความว่าใน 10 ปีที่ผ่านมา บัวแก้ว มี Alpha เหนือตลาดประมาณ 3%
(เมื่อใช้ TMB SET50 เป็นตัวแทนของตลาดหุ้น)

ผลตอบแทน ณ 16 ก.พ. 58

ลองทำแบบเดียวกัน กับผลตอบแทน 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี จะได้ว่า

Alpha ย้อนหลัง 1 ปี = 18.52% – 20.68% = -2.16%
Alpha ย้อนหลัง 3 ปี = 17.93% – 13.26% = 4.67%
Alpha ย้อนหลัง 5 ปี = 23.78% – 20.67% = 3.11%
Alpha ย้อนหลัง 10 ปี = 14.73% – 11.61% = 3.10%

จะเห็นว่า Alpha ของกองนี้ก็อยู่เหนือตลาดมาได้ในระดับ 3-4%
แต่มาเสียเอาระยะสั้น คือ 1 ปีที่ผ่านมานี้ แพ้ตลาดอยู่ประมาณ 2%

ถึงจุดนี้เราต้อง “Guestimate” หรือ “เดาแบบมีหลักการ” แล้วล่ะครับ
ว่า Alpha ในอนาคตอีก 38 ปีข้างหน้าของกองนี้จะอยู่ที่เท่าไร ?

บางคนก็อาจจะเดาว่า มันจะอยู่ที่ 3% เท่าๆ เดิม

แต่ผมจะขอ “เดา” ว่า อยู่แถวๆ 1.5%
โดยอาศัยเหตุผลว่า ตลาดหุ้นไทย ใหญ่ขึ้น  นักลงทุนเก่งๆ มากขึ้น การแข่งขันรุนแรงขึ้น
การจะทำ Alpha สูงๆ เหมือนในอดีตอาจทำได้ยากแล้ว

เก็บค่า 1.5% นี้เอาไว้ในใจก่อนนะครับ

เพราะเราต้องประมาณผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยก่อน (Beta)
ซึ่งหากดูสถิติในอดีตตั้งแต่เปิดตลาดหุ้นมา อ้างอิง
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/08-stock-for-the-long-run/

ก็จะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนประมาณ 12% ต่อปี
หรือหากดูสถิติหุ้นสหรัฐ ระยะยาวๆ หุ้นเล็กก็ได้ 12% ต่อปี ขณะที่หุ้นใหญ่ได้ประมาณ 10% ต่อปี

เราต้องมา “คาดการณ์ = เดา” กันอีกครั้งครับ ว่าอีก 38 ปีข้างหน้า ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร
บางท่านก็อาจจะยืนพื้นด้วยเลข 12% ตามเดิม

แต่ผมขอใช้ค่าต่ำ คือสัก 10% แล้วกันนะครับ

เอาผลตอบแทนของตลาด (Beta) และผลตอบแทนส่วนที่ชนะตลาด (Alpha)
ที่เราคาดการณ์ไว้มารวมกันจะได้เท่ากับ

10% + 1.5% = 11.5% ต่อปี

ซึ่งเราจะใช้ค่านี้เป็นค่าคาดการณ์ผลตอบแทน หรือ “Expected Return” ของ “บัวแก้ว” ในอนาคต


3) เปรียบเทียบ Expected Return กับ Required Return ว่าเพียงพอหรือไม่

จะเห็นว่า Required Return เราต้องการ 11.15% แต่เรา Expect ว่ามันจะได้ 11.50%

ถามว่า “พอมั๊ย ?” ที่จะบรรลุเป้า
คำตอบก็คือ “พอ” ครับ

แต่ถามว่า “มั่นใจมากแค่ไหน ?
ผมคงตอบว่า “ไม่มาก” เพราะเดามาเยอะ และเดาไปไกล

แถมผลที่ได้ก็คือ Expected Return มากกว่า Required Return แค่นิดเดียว
หากมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อย ก็ไม่บรรลุแล้ว


4) แล้วทำยังไงต่อดี ให้เพิ่มโอกาสบรรลุเป้า

มีหลายวิธีครับ เช่น

  • อธิษฐาน ขอให้เราเดาต่ำไป แล้วลุ้นให้มันดีกว่าที่คาด
  • ไล่ล่ากองทุนอื่นๆ ที่ฝีมือดีกว่านี้ Alpha สูงกว่านี้
  • เพิ่มเงินลงทุน (ผมไม่เชื่อว่าจะลงทุนได้ 1,000 ไปเรื่อยๆ ครับ มันน่าจะเพิ่มได้นะ)

ท่านผู้อ่านเลือกวิธีไหนดีครับ…
คิดว่าวิธีไหนเรามีอำนาจควบคุมมากที่สุด ?

คิดว่าทุกท่านคงพอจะมีคำตอบให้ตัวเองนะครับ


หมายเหตุ

แนวทางข้างต้นนี้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกองอะไรก็ได้
ไม่จำเป็นต้องเป็นกอง “บัวแก้ว” นะครับ
ที่ยกมาตอบ เพราะได้รับคำถามมาเป็นกอง “บัวแก้ว” จริงๆ ไม่ได้จะเชียร์ หรือจะติ แต่อย่างใด

และก็ไม่ได้ชี้นำให้ไปลงทุน Active Fund ด้วย เพราะ Active Fund หลายๆ กอง
ถ้าเลือกไม่ดีก็มี Alpha ติดลบ คือ “แพ้ตลาด” ทั้งๆ ที่พยายามจะเอาชนะ

ยังไงเสีย ถ้าเลือกกองทุนไม่เก่ง Index Fund ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีเสมอครับ
หรือจะผสมๆ กันไป ใช้เทคนิค Core & Satellite Strategy ตามบทเรียนนี้ก็ได้ครับ
http://www.a-academy.net/finance/personal-finance/16-selection-core-satellite/

และการประมาณการ เราอาจทำเป็นหลายๆ กรณี
เช่น Worst, Base, Best Case ได้ด้วย ไม่ต้องประมาณเป็นตัวเลขเดียวก็ได้ครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here